ปชช. แจ้งความ ‘ประธาน กกต.-พวก’ ผิด ม.172 ปมยื่นศาลฟัน ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ
วันที่ 14 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.22 น. วานนี้ นายธนพล จิวจินดา ในฐานะประชาชน เข้าพบ
พ.ต.ต.ประธาน สีหาพล สว.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน
กกต. พร้อมกับพวก กกต. โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561
ม.172 “เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยรายละเอียดการแจ้งความระบุว่า ตามที่คณะ
กรรมการการเลือกตั้งประกาศให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2566 และ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2566 ปรากฏว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีความเห็นว่าสมาชิกภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) และให้ส่งเรื่อง
ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป รายละเอียดปรากฏตามข่าวสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งข่าวประชาสัมพันธ์เลขที่
ข่าว 269/2566 วันที่เผยแพร่ 12 ก.ค.66 โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.-12 ก.ค.2566 ได้ปรากฏ ข้อเท็จจริงข้อกฎหมายคำสั่งศาลฎีกา คำพิพากษาศาลปกครอง ที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3) สถานะลักษณะธุรกิจรายได้ประจำปี 2565
ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และคลิปบันทึกภาพและเสียงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เผยแพร่ต่อสาธารณะเรื่อยมาซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบถึง ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย คำสั่งศาลฎีกา คำพิพากษาศาล
ปกครองเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3) สถานะลักษณะธุรกิจ รายได้ประจำปี 2565 ของ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) และคลิปบันทึกภาพและเสียงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)
ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะทั้ง 5 รายการเป็น อย่างดีอยู่แล้ว ณ ขณะกระทำการพิจารณาความเห็นดังกล่าวข้างต้น แต่กลับยังมีความเห็นว่า
สมาชิกภาพของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 101(6) ประกอบ
มาตรา 98(3) และให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป การกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าวจึงอาจ
เป็นการกระทำผิดตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 172 “เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใด
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่
ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” จึงขอให้พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน
และส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ และหากพบว่ากระทำความผิดจริงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้งจนถึงที่สุด เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้รับคำแจ้งความไว้ตามระเบียบ แต่
อย่างไรก็ตาม สถานที่เกิดอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งอยู่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เหตุเกิดในท้องที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง พนักงานสอบสวนจะได้ส่งเอกสารประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป