ฟังอีกมุมที่ไม่มีใครรู้ ดราม่าลูกแจ้งจับแม่รุกที่ เผยขุมสมบัติพ่อ ที่ 130 ไร่ อาคารพาณิชย์ 10 ห้องเป็นของใคร ยังรักแม่และน้องเหมือนเดิม ไม่เคยโกรธเกรียด
วันที่ 18 ธ.ค.66 จากกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์ แม่ใช้ไม้ไล่ตีลูกสาว เพื่อลงโทษถึงเหตุ ประเด็นร้อน พร้อมตะโกนด่าไล่ลูกเนรคุณจะเอาเลือดออกมาล้างเท้า จนเกิดเป็นกระแสดราม่า จนมีชาวเน็ตและประชาชนให้ความสนใจติดตามข่าวต่อเนื่อง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสได้พบกับ นางนา (ของสงวนนามสกุล) ลูกสาวคนโตที่ปรากฏตัวในคลิปที่ถูก นางอนงค์ศรี ผู้เป็นแม่ใช้ไม้ไล่ตี ได้ขอชี้เแจงผ่านสื่อไปยังแม่ เพื่อสร้างความเข้าใจ และเจตนา
ที่แท้จริง ตลอดจนประชาชนคนไทยที่ติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่ โดยแยกเป็นประประเด็นหัวข้อหลักๆ ว่า
ในเรื่องประเด็นที่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบญจา จ.จันทบุรี ในวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแจ้งเพื่อมาระงับเหตุ เนื่องจากมีชายฉกรรจ์ 4 คนบุกรุกเข้ามาในบ้านพื้นที่หมู่ 7 ต.ทุ่งเบญจา ซึ่งเป็นบ้านของนางนา แล้วใช้แชลงเหล็กงัดประตูจนได้รับความเสียหาย โดยมีร่องรอยหลักฐาน มีแชลงเหล็กของกลางตกในที่เกิดเหตุ
จากนั้นกลุ่มชายขนย้ายสิ่งของภายในโกดัง รื้อค้น สิ่งของออกมากองไว้ข้างนอก พร้อมทั้งทำลายท่อส่งน้ำ ตัดต่อท่อที่วางระบบไว้ได้รับความหายหลายจุด ซึ่งตนคิดว่าเป็นการบุกรุก ทำให้เกิดความเสียหาย ครอบครัวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จึงโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาระงับเหตุ เมื่อตำรวจเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย ได้แนะนำให้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ระหว่างนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามในคลิป ซึ่งแม่ได้ปรากฏตัวตอนตำรวจเดินทางมาถึง โดยมีน้องชายเดินตามถ่ายวิดีโอ เหมือนเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า ตนคิดว่าไม่อยากเผชิญหน้า ตนไม่ได้มีปัญหากับแม่ จึงไม่ตอบโต้ใดๆ ตนยืนยันว่าไม่ได้แจ้งความให้ตำรวจมาจับแม่ ตนแจ้งมาระงับเหตุที่ชายฉกรรจ์บุกรุกเข้ามางัดประตู ทำลายข้าวของภายในสวนเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่ามีการตัดน้ำจนแม่ไม่มีน้ำใช้นั้น นายการุณ สามีของ นางนา ชี้แจงว่า ที่ผ่านน้ำที่ใช้ในสวนเป็นน้ำที่อยู่ระดับสูง เป็นระบบน้ำที่ไหลเวียนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เวลาพ่นยาจะใช้วิธีการกาลักน้ำกลับมาเพื่อใช้ในสวนได้ ที่ผ่านมามีการเข้ามากลั่นแกล้งจากฝ่ายที่ต้องการแบ่งแยกที่ดิน เปิดน้ำทิ้งตามจุดต่างๆ ภายในสวน เข้ามาทำลายประตูน้ำ จนประตูน้ำได้รับความเสียหายใช้งานไม่ได้ ซึ่งก็เลี่ยงที่จะปะทะ ก่อนจะสั่งลูกน้องไปปิดน้ำ ถ้าไม่ปิดน้ำไหลจนหมดสระอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นางนา ยังเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกที่สังคมยังไม่รู้ ถึงปมปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวว่า อาจจะเกิดจากเรื่องทรัพย์สินมรดกที่พ่อสร้างไว้ โดยประเด็นเรื่องที่กล่าวหาว่า นางนา ไม่ยอมแบ่งที่ดินให้น้อง จนเกิดการฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล นางนา ชี้แจงว่า เรื่องมรดกที่ดินที่สมัยพ่อมีชีวิตอยู่ ที่กว่า 200 ไร่ รวมถึงอาคารพาณิชย์ ห้องเช่า ที่ห้วยสะท้อน ในสมัยที่พ่อมีชีวิตอยู่ได้จัดสรรปันส่วนให้พี่น้องทั้ง 5 คน รวมทั้ง แม่อนงค์ศรี ซึ่งพี่น้องทั้ง 5 คน รวมทั้งแม่ ก็ไม่มีใครคัดค้าน กระทั่งพ่อป่วยติดเตียงหลายปี ก็ไม่มีใครคัดค้านเรื่องพินัยกรรม เรื่องมรดก
สำหรับที่ถูกกล่าวหาว่าเนรคุณ ขอชี้แจงว่า ตนดูแลค่าใช้จ่ายให้กับแม่ทุกปี ทั้งก่อนและหลังพ่อเสียชีวิต ทั้งในช่วงที่แม่อยู่กับสามีใหม่ ซึ่งช่วงนั้นแม่ก็มีรายรับจากการเก็บค่าเช่า ห้องพักอาคารพาณิชย์ เดือนละหลายหมื่นบาท ตนก็ยังดูแลส่งเสียแม่อย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีเรื่องฟ้องร้องระหว่างตนกับน้องชายเมื่อปี 64 จึงพิจารณา หยุดส่ง
ส่วนบ้านสวนที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน แม่ได้คัดชื่อออกตั้งแต่ปี 45 ส่วนน้องชายย้ายออกปี 47 ตนจึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้าน ส่วนเรื่องการแบ่งที่สวนทุเรียนที่ตนทำอยู่ ก็เนื่องจากระยะหลังราคาทุเรียนเริ่มแพง ลำไยราคาเริ่มถูก แม่ก็เลยมาขอแบ่งสวนทุเรียนครึ่งหนึ่งให้น้องชาย ตนไม่เห็นด้วย เพราะว่าได้ตกลงกันในครอบครัวไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อนที่พ่อยังไม่เสียชีวิต ซึ่งทุกคนก็ยอมรับการจัดสรรปันส่วน แต่พอมาปี 64 น้องชายกลับมาฟ้องร้องขอแบ่งมรดกที่ดิน แปลงทุเรียนทั้ง 2 แปลง ซึ่งปัจจุบันเรื่องอยู่ในชั้นศาล
ตนอยากฝากผ่านสื่อให้แม่ได้รับรู้ว่าตนยังรัก ยังมีความกตัญญูพร้อมที่จะดูแลแม่ไปตลอด อยากให้แม่ออกมาจากปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างตนกับน้อง ซึ่งพร้อมที่จะดูแลแม่ ตลอดไป พร้อมทั้งฝากขอความเป็นธรรมต่อสังคม ที่ตนทำไปตามข้อตกลง เพราะตนทำมาหากินในที่ดินตัวเอง ที่พ่อกับแม่จัดสรรให้ ยังรักและกตัญญู พร้อมที่จะดูแลแม่ทั้งวันนี้และตลอดไป ส่วนน้องก็ไม่ได้โกรธเกลียด หรืออคติ หากต้องการจะทำสวนทุเรียนในที่ของน้อง ตนก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำ และเป็นพี่เลี้ยงให้
