น้องไนซ์ เชื่อมจิต งานเข้า ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ลุยสุราษฎร์ธานี ยันมีช่องทางกฎหมายเอาผิด สอบพระสงฆ์ 2 รูป ปรากฏภาพในงาน
กรณี ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว มีใจความว่า “ลัทธิเชื่อมจิต สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำอะไรอยู่ ? ผมขอถาม นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
มีเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 8 ขวบ อ้างว่าตนเองเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าส่งมาเกิด เป็นพระอนาคามี เป็นพญานาคลงมาเกิด ใช้ฤทธิสอนธรรม สอนธรรมะด้วยวิชาเชื่อมจิต ซึ่งไม่มีอยูในพระไตรปิฎก ของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เป็นสัทธรรมปฏิรูป
ถือเป็นลัทธิเชื่อมจิต เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือไม่? ที่จะออกมาดำเนินการกับเด็กคนดังกล่าว ที่สอนธรรมที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ ซึ่งบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก ? ช่วยตอบคำถามหน่อยครับ อย่าเงียบ ทำงานหน่อย…ให้เวลา 3 วัน ที่ถามเพราะ หากไม่ใช่หน้าที่ มูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะจัดการเอง
ล่าสุด นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พศ.และพม. ลงไปตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบกับผู้ปกครองด้วยว่า มีการป้อนข้อมูลที่ผิดให้กับลูกหรือไม่
เพราะลำพังเด็กที่มีอายุยังน้อยน่าจะยังไม่มีการนึกคิดไตร่ตรองอะไรได้มาก รวมถึงตรวจสอบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเพื่อหวังหาประโยชน์จากน้องไนซ์หรือไม่
โดยวันนี้ 24 เม.ย.2567 นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางมาบรรยายเรื่อง “แนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐสร้างสุข ระยะที่ 2 ” ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ วัดเขียนเขต พระอารามหลวง ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
นายอินทพร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอขอบคุณทนายอนันต์ชัย หากท่านมีอะไรแนะนำในการดำเนินการในเรื่องนี้ถือว่าท่านมีส่วนร่วมในฐานะมูลนิธิกองทัพธรรม โดยในส่วนของทางราชการนั้น ตนได้ดำเนินการตามคำสั่งของ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยสั่งการให้ พศจ. ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานี ร่วมกับ พมจ. และเจ้าหน้าที่ตํารวจ ทำงานร่วมกัน โดยตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบในไม่กี่วันนี้ เนื่องจากมีผู้คนที่เข้าไปอยู่เชื่อมจิตเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อหลักธรรมและรับคำสอนที่อาจจะผิดเพี้ยนไป
โดยเรื่องนี้สำนักพุทธทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอน ทางเราปรึกษากับฝ่ายกฏหมายว่า หากเป็นเด็กที่ไม่ใช่พระภิกษุสามเณร จะสามารถเข้าไปดำเนินการกับเด็กและผู้ปกครองได้หรือไม่
โดยในข้อกฏหมายนั้นเราไปไม่ถึงเรื่องลบหลู่ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ตลอดจนการก่อความวุ่นวายในที่ประชุม รวมถึงแต่งกายเลียนแบบสงฆ์นั้น องค์ประกอบยังไปไม่ถึง เพราะไม่มีผู้เสียหายที่ซื้อคอร์สแล้วมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เราหาอยู่แต่ก็ยังไม่มีใครมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด
ฉะนั้นต้องใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการ คาดว่าจะมีช่องทางในการดำเนินคดีทางกฎหมายได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักพุทธได้เข้าไปดำเนินการในเรื่องของพระสงฆ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 2 ครั้งโดยครั้งแรกที่มีภาพพระสงฆ์ปรากฏ ในโรงแรมที่มีการเชื่อมจิต ซึ่งจากการตรวจสอบพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้แจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องเพียงแต่รับนิมนต์ไปรับสังฆทานเพียงเท่านั้น
ส่วนพระสงฆ์อีกรูป ที่ปรากฏคลิปไปกราบน้องนั้น เราได้แจ้งไปที่พระผู้ปกครอง ดำเนินการซึ่งพระสงฆ์รูปดังกล่าวยอมรับว่าใช่ท่านทาง พระผู้ปกครองจึงให้ท่านออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่น