ข่าวบันเทิง

ไม่ทนแล้ว “อาจารย์ ม.ดัง” ประกาศลาออก ปิดฉาก 15 ปี ลั่นหมดศรัทธา

ไม่ทนแล้ว ผู้ช่วยศาสตราจารย์เดชวินิตย์ ศรีพิณ “อาจารย์ ม.ดัง” โพสต์เดือด ประกาศลาออก ปิดฉาก 15 ปี ลั่นหมดศรัทธากับสิ่งที่เกิดขึ้น

วันที่ 29 ก.ย. 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์เดชวินิตย์ ศรีพิณ อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตรกรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออก หลังทำงานมาตั้งแต่ปี 2553 โดยให้เหตุผลว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายมหาวิทยาลัยที่ให้ควบรวมหลักสูตรจิตรกรรมกับดนตรีสากล ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการศึกษาและตัดโอกาสนักศึกษาที่ตั้งใจเรียนด้านศิลปะ ผศ.เดชวินิตย์ ระบุว่า

ข้าพเจ้า ผู้ช่วยศาสตราจารย์เดชวินิตย์ ศรีพิณ อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตรกรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เริ่มทำงาน เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ – กันยายน ๒๕๖๘ (ปัจจุบัน) ข้าพเจ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับหน้าที่การงานของข้าพเจ้ามาพักใหญ่ ๆ พยายามที่จะเรียงร้อยมันออกมาให้เป็นข้อความที่สละสลวย เป็นภาษาทางการ แต่คิดไปคิดมา ใช้ภาษาง่าย ๆ บ้าน ๆ น่าจะตรงกับความรู้สึกและจริตส่วนลึกของข้าพเจ้าที่สุด เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้นะครับ สาเหตุของความคับข้องใจ เกิดจากทางมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เปิดในมหาวิทยาลัย ได้มีนโยบายเกี่ยวกับการควบรวมหลักสูตร (เฉพาะหลักสูตรที่ทางผู้ออกนโยบายมองว่าน่าจะควบรวมกันได้)

ซึ่งหลักสูตรจิตรกรรมที่ข้าพเจ้าสังกัด จะต้องควบรวมกับหลักสูตรดนตรีสากล ซึ่งทางคณาจารย์ประจำหลักสูตรจิตรกรรมได้ช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับการควบรวมหลักสูตรที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ โดยมีเกณฑ์สำคัญว่าต้องมีวิชาแกนที่เป็นวิชาบังคับอย่างน้อย ๓-๔ รายวิชา (จิตรกรรม+ดนตรีสากล) จากโจทย์ข้างต้นนี้และข้อมูลที่ทางหลักสูตรจิตรกรรมไปรวบรวมมา คณาจารย์ประจำหลักสูตรจิตรกรรมเห็นว่า การควบรวมดังกล่าวไม่สามารถเขียนรายวิชาแกนตามกรอบที่มหาวิทยาลัยกำหนดได้ เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติของศาสตร์ และการควบรวบหลักสูตรทั้งสองนี้ จะทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาวต่อการศึกษา โดยเฉพาะกับนักศึกษาที่มีความปรารถนาจะเรียนจิตกรรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ข้อที่ ๑ ความเข้มข้นของศาสตร์ในการเรียนการสอนก็จะลดน้อย (ในกรณีนี้คือ จิตรกรรมและดนตรี) ข้อที่ ๒ นักศึกษาที่เลือกเรียนวาดรูป ต้องบังคับให้เรียนดนตรี (ซึ่งข้าพเจ้าไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นหรือเกี่ยวข้องกันตรงไหน คนรักการวาดรูปไม่จำเป็นต้องรักการเล่นดนตรี ในขณะเดียวกัน คนรักการเล่นดนตรีก็ไม่จำเป็นต้องบังคับให้วาดรูป) นอกจากนี้ ให้เปลี่ยนชื่อปริญญาทั้งหลังจากการควบรวมทั้ง ๒ หลักสูตรเป็นชื่อปริญญาศิลปกรรมศาสตร์บัณฑิต ตามความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ชื่อปริญญาของหลักสูตรดนตรีสากล ถ้าจะปรับแก้ก็อาจจะปรับเป็นดุริยางคศาสตร์บัณฑิต

ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยให้ร่างหลักสูตรให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด “หากไม่สามารถร่างหลักสูตรภายในระยะเวลาที่กำหนด ทางมหาวิทยาลัยจะไม่เปิดรับนักศึกษาของทางหลักสูตรจิตรกรรมปีการศึกษา ๒๕๖๙” (หรือนี้คือบทลงโทษ) ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือการเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษาล่าสุดนี้ ทางมหาวิทยาลัย ไม่มีการเปิดรับนักศึกษาหลักสูตรจิตรกรรม ทั้ง ๆ ที่ หลักสูตรจิตรกรรมปรับปรุงปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่หมดอายุ หลักสูตรจิตรกรรมยังสามารถเปิดรับนักศึกษาได้ถึงปี ๒๕๗๐ ซึ่งทางหลักสูตรจิตรกรรมเห็นว่าการตัดสินใจกระทำการดังกล่าวของมหาวิทยาลัยไม่เป็นการส่งเสริมทางการศึกษา อย่างที่สถาบันทางการศึกษาควรจะเป็น จากการศึกษาข้อมูลของคณาจารย์ในหลักสูตรจิตกรรม และเห็นว่าไม่สามารถควบรวมหลักสูตรจิตรกรรมกับหลักสูตรดนตรีได้นี้ ทางหลักสูตรได้ยื่นเอกสารชี้แจงต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย และขอคำอธิบายต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงชี้แจงเรื่องราวรายละเอียดของเนื้อหารายวิชาและชื่อปริญญา โดยได้ส่งหนังสือทวงถามตามระบบโดยปกติ รวมไปถึงยื่นผ่านทางระบบไปรษณีย์และระบบออนไลน์ ถึงสาเหตุที่ไม่เปิดรับนักศึกษาหลักสูตรจิตรกรรม ปี ๒๕๖๙ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปิดกั้นทางการศึกษาอย่างเห็นได้ชัด (นักศึกษาหลักสูตรจิตรกรรมจำนวนรับ ๔๐ คน นักศึกษาแรกเข้า เฉลี่ย ๓๕ คนต่อปีการศึกษา)

แต่การบันทึกข้อความทวงถาม นับรวมกว่าสิบกว่าฉบับนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ เอกสารดังกล่าว ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีการชี้แจงใด ๆ จากผู้บริหาร คณะ และมหาวิทยาลัย แม้แต่สักฉบับเดียว หลักสูตรที่ข้าพเจ้าสอนอยู่ ได้ผ่านระเบียบทุกขั้นตอนทุกอย่าง จนมาถึงการอนุมัติหลักสูตรให้เปิดใช้ได้ครั้งล่ะ ๕ ปี แต่มาวันนี้ข้าพเจ้ายังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เปิดรับนักศึกษาหลักสูตรจิตรกรรม ข้าพเจ้ามองว่าการที่เราได้สอนนักศึกษา เราตั้งใจสอนให้เขาเป็นคนดี สอนให้เขามีงานทำที่ดี สอนให้เขาเป็นผู้นำที่ดี เรามีความต้องการที่จะให้ในสิ่งดี ๆ แก่นักศึกษา แต่ตอนนี้สิ่งที่มหาวิทยาลัยกำลังปฏิบัติเป็นการตัดโอกาสทางการศึกษาของนักศึกษา ผมคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นในระบบการศึกษา ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวเพิ่มเติมนอกเหนือจากเรื่องการควบรวมหลักสูตร คือ เรื่อง TOR นั้น ได้กดทับให้คณาจารย์ผู้รักในการสอนเหนื่อยหน่าย หากอยากอยู่รอดในอาชีพการงานนี้ ต้องเป็นไปตาม TOR ไม่มีใครกล้าออกมาพูดเรื่องราวความเป็นอยู่ของคณาจารย์ในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อนอาจารย์หลายท่านหายไป หลักสูตรหายไป นักศึกษาหายไป

หากวันนี้ข้าพเจ้ายังเห็นแก่ตัวอยู่ เพียงเพราะคิดว่าต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ต้องมีงานทำ ข้าพเจ้าจะมีแค่คำนำหน้าชื่อว่า “อาจารย์” เท่านั้น เป็นอาจารย์ที่สบายท่ามกลางหยาดเหงื่อของพ่อแม่ของนักศึกษาแล้วยังจะกล้าเป็นผู้ให้ความรู้แต่ขาดจริยธรรมสูงสุดของความเป็นครูอย่างนั้นหรือ?

ข้าพเจ้ารักและศรัทธาในอาชีพการสอนแต่ข้าพเจ้าหมดศรัทธากับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าตัดสินใจลาออกหลังการปฏิบัติหน้าที่เสร็จสมบูรณ์ ในปีการศึกษานี้ หวังว่าจะเกิดเรื่องราว ดี ๆ กับนักศึกษา อาจารย์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *